เหน็บชา (Beriberi)เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการขาดวิตามินบี 1 หรือไธอามีน (Thiamine) ซึ่ง ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถที่จะสังเคราะห์เองได้ รวมทั้งจำเป็นต้องได้รับจากการทานอาหารหรืออาหารเสริม โดยวิตามิน บี 1 จะมีบทบาทสำหรับในการเร่งกระบวนการเผาผลาญของอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตเพื่อได้น้ำตาลกลูโคส
ซึ่งร่างกายจำเป็นต้องเอาไปใช้สำหรับการดำเนินการ การเติบโตรวมทั้งการเหนี่ยวนำของกระแสประสาทภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายดำเนินการได้เป็นอย่างปกติ
นอกจากนี้ วิตามิน บี 1 สามารถอยู่ภายในร่างกายมนุษย์ได้เพียงแค่ 30 มก. เพียงแค่นั้น พบได้บ่อยในกล้ามเนื้อและกระจายตัวอยู่ในอวัยวะอื่นๆภายในร่างกาย ได้แก่ สมอง หัวใจ ไต รวมทั้งตับ ครึ่งชีวิต (Half-life) ของวิตามิน บี 1 จะมีค่าโดยประมาณ 9-18 วัน แล้วก็จะถูกขับออกทางไต เมื่อร่างกายขาดวิตามิน บี 1 จะก่อให้เป็นเหน็บชา แล้วก็ทำให้มีการเกิดอาการสำคัญๆเช่น หอบเมื่อยล้า หัวใจเต้นเร็ว และตับโต ฯลฯ
ส่วนในประเทศไทย เจอผู้เจ็บป่วยเหน็บชาได้บางส่วนอีกทั้งในเด็กและก็คนแก่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กทารกที่เลี้ยงด้วยนมแม่แล้วก็แม่มีสภาวะขาดวิตามิน บี 1 หรือบริโภคอาหารการกินที่ขาดวิตามิน บี 1 รวมทั้งยังพบบ่อยในคนที่ติดเหล้าเรื้อรัง คนที่กินปลาร้าแล้วก็ของกินดิบ
อาการเหน็บชา
เหน็บชาในกรณีนี้จะมีความต่างจากอาการเหน็บชาที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาการชาอย่างนี้จะปลอดภัยมากและก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการหลีกเลี่ยงหรือเปลี่ยนท่าทางที่ทำให้เกิดอาการชา แต่ว่าโรคเหน็บชาที่พูดถึงนี้เป็นผลมาจากการขาดวิตามินบี 1
โดยอาการสามารถเกิดขึ้นได้หลายแบบขึ้นกับอายุแล้วก็อวัยวะที่ได้รับผลกระทบ โดยแบ่งได้ เหน็บชาในเด็ก (Infantile Beriberi) และก็เหน็บชาในคนแก่ (Adult Beriberi)
เหน็บชาในเด็ก
พบได้บ่อยในเด็กแรกเกิดอายุ 2-3 เดือน ที่กินนมแม่และก็แม่มีสภาวะขาดวิตามิน บี 1 หรือการทานอาหารที่ขาดวิตามิน บี 1 โดยพบได้บ่อยว่ามีลักษณะอาการหน้าเขียว หอบอ่อนล้า ตัวบวม ขาบวม หัวใจโต หัวใจเต้นเร็ว ร้องไห้เสียงแหบหรือไม่มีเสียง บางรายอาจมีอาการตากระตุก หนังตาบนตก
แล้วก็ถ้ามิได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องรวมทั้งทันเวลา อาจจะเป็นผลให้เสียชีวิตได้ข้างใน 2-3 ชั่วโมง
เหน็บชาในคนแก่
อาการที่เกิดสังกัดเด็กโตหรือคนแก่แบ่งได้ 3 จำพวก ดังนี้
เหน็บชาประเภทผอมแห้ง (Dry Beriberi) คนป่วยจะมีลักษณะอาการชาแบบไม่บวมดังนี้
-ชาปลายมือและก็ปลายเท้า
-กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนล้าไม่มีกำลัง โดยยิ่งไปกว่านั้นที่ขาข้างล่าง บางทีอาจทดลองได้โดยให้คนป่วยนั่งยองๆแล้วยืนขึ้นเอง ซึ่งผู้เจ็บป่วยจะทำไม่ได้
-เจ็บปวด
-พูดไม่ชัดเจน พูดติดๆขัดๆ
-คลื่นไส้ อาเจียน
-มีความผิดปกติทางด้านจิตใจ งงงวย สับสน
-ตาขยับเองโดยที่ไม่รู้ตัว
-อัมพาต
เหน็บชาจำพวกเปียก (Wet Beriberi) คนป่วยจะมีลักษณะอาการบวมร่วมกับอาการชาปลายมือปลายเท้า โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้
-ชาที่ปลายมือและก็ปลายเท้า
-มีลักษณะอาการบวม น้ำคั่งในท้องแล้วก็ช่องปอด
-ขาส่วนล่างบวม
-หอบเหนื่อยล้า
-หายใจตื้นระหว่างที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆ
-ตื่นขึ้นมามีลักษณะอาการหายใจตื้น
-หัวใจโตและก็เต้นเร็ว
-อาจจะก่อให้หัวใจวายในกรณีไม่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างถูกต้องและทันเวลา
เหน็บชา Wernicke-Korsakoff Syndrome มีลักษณะดังนี้
-พบมากในคนที่ติดเหล้าเรื้อรัง
-เคลื่อนดวงตาได้น้อยหรือทำไม่ได้เลย
-เดินเซ
-มีความผิดปกติทางด้านจิตใจ
-คนที่เป็นมากอาจก่อให้เกิดอาการทางด้านจิตที่เรียกว่า Korsakoff’s Psychosis
คนป่วยเหน็บชา Wernicke-Korsakoff Syndrome ในกรณีที่เป็นมาก อาจจะทำให้เกิดภาวะสมองขาดวิตามิน บี 1 Wernicke Encephalopathy หรือ Korsakoff Syndrome ซึ่งเป็นสภาวะที่สมองได้รับความเสื่อมโทรมจากการขาดวิตามิน บี 1
ภาวการณ์สมองขาดวิตามิน บี 1 Wernicke Encephalopathy นำมาซึ่งอาการ ได้แก่
-สับสัน
-ความจำเสื่อม
-เดินเซ หรือการผสานของกล้ามเนื้อขาดตกบกพร่อง
-มีปัญหาสำหรับในการเห็น ได้แก่ ตาขยับเร็วกว่าปกติและก็เห็นภาพซ้อน
สภาวะสมองขาดวิตามิน บี 1 Korsakoff Syndrome กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการ ได้แก่
-ความจำเสื่อม
-สูญเสียความสามารถสำหรับในการจำสิ่งใหม่
-จิตหลอน และก็เป็นโรคจิต (Psychosis)
สิ่งที่ทำให้เกิดเหน็บชา
ต้นเหตุที่สำคัญของเหน็บชา เป็นการทานอาหารที่ขาดวิตามินบี 1 หรือสภาวะที่ร่างกายขาดวิตามิน บี 1 โดยโรคนี้จะเจอได้น้อยมากในพื้นที่ที่มีของกินซึ่งอุมดมด้วยวิตามินอยู่มากมาย
โดยยิ่งไปกว่านั้นของกินชนิดเมล็ดพืชรวมทั้งขนมปัง และก็จะพบบ่อยในพื้นที่ที่คนนิยมบริโภคข้าวที่ขัดสีแล้วมากยิ่งกว่าบริโภคข้าวกล้อง ซึ่งข้าวที่ได้รับการขัดสีจะมีวิตามีน บี 1 อยู่น้อยกว่าข้าวซ้อมมือ ฯลฯ
รวมถึงสาเหตุอื่นๆที่อาจจะส่งผลให้มีการขาดวิตามินบี 1 เช่น
-ติดเหล้าเรื้อรัง เพราะเหตุว่าแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ลดการดูดซึมของวิตามินบี 1 และก็เพิ่มการขับวิตามินบี 1 ออกมาจากร่างกาย ทำให้ร่างกายดูดซึมและก็สะสมวิตามินบี 1 น้อยจนเกินไป
-เหน็บชาจากพันธุกรรม เป็นสภาวะที่ทำให้ร่างกายต้านการดูดซึมวิตามิน บี 1
-สภาวะต่อมไทรอยด์ปฏิบัติงานเกิน (Hyperthyroidism)
-การผ่าตัดรักษาโรคอ้วน (Bariatric surgery)
-โรคเอดส์ (AIDS)
– นอนบน ที่นอน ที่แข็งเกินไป
-ท้องร่วงเป็นระยะเวลานาน หรือการใช้ยาขับฉี่
-คนที่กำลังรับการดูแลและรักษาด้วยการฟอกไต
-ของกิน โดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่ถูกใจทานอาหารที่มีสารทำลายวิตามินบี 1 ได้แก่ ปลาร้า ใบชา ใบเมี่ยง หมากพลู ปลาส้มดิบ แหนมดิบ หอยลายดิบ และก็ปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดดิบ
-คนที่เป็นโรคตับเรื้อรัง ได้แก่ โรคตับแข็ง ซึ่งจะก่อให้ตับไม่อาจจะนำวิตามินบี 1 ไปใช้ประโยชน์ได้
-คนวัยฉกรรจ์ที่จำเป็นต้องออกแรงหรือทำงานมากๆได้แก่ คนงาน เกษตรกร นักกีฬา รวมทั้งผู้ต้องขังในคุก และก็ชาวเรือที่ออกทะเลเป็นระยะเวลานานๆ
-เด็กแรกเกิดที่รับประทานนมคุณแม่เพียงอย่างเดียว โดยที่มารดาขาดวิตามินบี 1 หรือเป็นโรคเหน็บชา (ทำให้นมไม่มีสารอาหารที่พอเพียงสำหรับเด็กแรกเกิด) หรือเด็กแรกเกิดที่รับประทานนมซึ่งไม่มีส่วนประกอบของวิตามินบี 1
-หญิงมีครรภ์และก็คนที่กำลังให้นมลูก
-คนที่ทานอาหารชนิดแป้งและก็น้ำตาลมากเกินไป แต่ว่ากินอาหารที่มีวิตามินบี 1 น้อย
การวินิจฉัยเหน็บชา
การวินิจฉัยเหน็บชา คุณหมอจะตั้งคำถามหลักไปยังคนป่วยที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง คนที่กินอาหารแบบเฉพาะเจาะจงหรือมีสภาวะขาดสารอาหาร โดยใช้ขั้นตอนการตรวจวิเคราะห์ดังต่อไป
-ตรวจเลือดรวมถึงการตรวจฉี่ ซึ่งวัดระดับของวิตามิน บี 1 ภายในร่างกายได้ ถ้าหากร่างกายของคนป่วยมีปัญหาสำหรับการดูดซึมวิตามิน บี 1 มักจะมีระดับของวิตามิน บี 1 ในเลือดต่ำ แต่ว่าอยู่ในฉี่จะมีอยู่มากกว่าในเลือด
-ตรวจสุขภาพทางระบบประสาท (Neurological Examination) จะช่วยทดลองการติดต่อประสานงานต่างๆภายในร่างกาย ได้แก่ การเดิน การขยับของตา แล้วก็การโต้ตอบของร่างกาย นอกจากนี้ คนป่วยเหน็บชาในระยะที่ร้ายแรงขึ้นจะความจำเสื่อม งงงวย หรือมีลักษณะอาการหลงทาง (Delusion) ที่สามารถตรวจเจอได้
-การตรวจสุขภาพ บางทีอาจช่วยทำให้คุณหมอรู้ได้ถ้าหากคนป่วยมีความผิดปกติหรือมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ หัวใจเต้นเร็ว ขาส่วนล่างบวม หายใจลำบาก หรือบางทีอาจตรวจเจออาการหอบอ่อนเพลีย ตัวเขียว หรือเจออาการหัวใจวาย หัวใจโต เมื่อใช้เครื่องฟังตรวจปอดแล้วมีเสียงกรอบแกรบ รวมทั้งตรวจเจอตับโต ฯลฯ
-เครื่องตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging: MRI) หรือ ซีทีสแกน (CT-Scan) เพื่อตรวจตราความเคลื่อนไหวของสมองที่เกิดขึ้นมาจากสภาวะทางสมองขาดวิตามิน บี 1 (Wernicke’s Encephalopathy)
การดูแลและรักษาเหน็บชา
การดูแลรักษาเหน็บชา สำหรับกรณีทั่วๆไปที่ไม่ร้ายแรงคุณหมอจะให้วิตามิน บี 1 แบบรูปแบบเม็ดให้คนป่วยกินเสริมอาหาร ส่วนในกรณีที่ร้ายแรงบางทีอาจจำเป็นจะต้องให้วิตามิน บี 1 ผ่านทางเส้นเลือดดำหรือฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อ
โดยจำนวนและก็ช่วงเวลาสำหรับการให้วิตามิน บี 1 จะขึ้นกับลักษณะของคนป่วยแล้วก็ดุลยพินิจของคุณหมอ นอกนั้น คนป่วยจำเป็นจะต้องได้รับการติดตามอาการหรือสำรวจการดูดซึมของวิตามิน บี 1 ของร่างกาย ด้วยการตรวจเลือด
ภาวะแทรกซ้อนของเหน็บชา
การขาดวิตามิน บี 1 อย่างหนักอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงซึ่งเกี่ยวโยงกับระบบประสาท สมอง กล้ามเนื้อ หัวใจ กระเพาะและก็ไส้
-ภาวะหัวใจวายที่เกิดขึ้นจากโรคเหน็บชา แม้ไม่ได้รับการดูแลและรักษาจะมีผลให้เสียชีวิตได้
-โรคภูมิแพ้ประเภทร้ายแรง (Anaphalaxis) อาจเกิดจากการดูแลและรักษาด้วยการให้อาหารทางเส้นเลือด
-อาการขาดวิตามิน บี 1 เกิดขึ้นได้จากการขาดวิตามิน บี ประเภทอื่นๆ
-คนป่วยเหน็บชา Wernicke-Korsakoff Syndrome ในรายที่เป็นมากอาจทำให้มีลักษณะอาการทางด้านจิตที่เรียกว่า Korsakoff’s Psychosis
การป้องกันเหน็บชา
การป้องกันเหน็บชา กระทำได้โดยการให้ทั้งคนแก่และคนภายในครอบครัวศึกษาเล่าเรียนถึงปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคและแนวทางป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของโรคเหน็บชา
ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถป้องกันการขาดวิตามิน บี 1 ได้ด้วยการเลือกทานอาหารที่ดีต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน บี 1 รวมถึงวิตามินประเภทอื่นๆได้แก่
-ถั่วและเมล็ดพืชที่อุดมด้วยวิตามิน บี 1 อาทิเช่น ถั่วดิน ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเขียวแล้วก็งา
-ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ จมูกข้าวสาลี รวมทั้งรำข้าว
-เมล็ดพืชเต็มเม็ดหรือโฮลเกรน (Whole Grains)
-เนื้อวัว เนื้อปลา และเนื้อหมูไม่ติดมัน ตับ ไต รวมทั้งไข่แดง
-นมและสินค้าที่ทำมาจากนม เป็นต้นว่า โยเกิร์ต
-ผักบางจำพวก ได้แก่ หน่อไม้ฝรั่ง ฟักทอง กะหล่ำดาว (Brussels Sprouts) ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง เห็ด รวมทั้งผลไม้อย่างเช่น แตงโม น้ำส้ม
นอกนั้น ควรจะจำกัดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งจะช่วยลดการเสี่ยงการเกิดเหน็บชาให้ลดน้อยลงได้ เนื่องจากว่าแอลกอฮอล์ส่งผลต่อร่างกายสำหรับการดูดซึมวิตามิน บี 1
โดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่ติดสุราหรือบริโภคเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มากเกินความจำเป็น ควรจะได้รับการตรวจสภาวะขาดวิตามิน บี 1 อย่างสม่ำเสมอ
แล้วก็ควรจะเลี่ยงของกินที่อาจมีสารทำลายวิตามินบี 1 เป็นต้นว่า ปลาร้า ใบชา ใบเมี่ยง หมากพลู ปลาส้มดิบ แหนมดิบ หอยลายดิบ ปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดดิบ ฯลฯ